แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรม วินิจฉัย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธรรม วินิจฉัย แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิมุติ คือ


วิมุตติ 2 คือ ความหลุดพ้นด้วยสมาธิและปัญญา ได้แก่
  1. เจโตวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นแห่งจิต ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการฝึกจิต ความหลุดพ้นแห่งจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ
  2. ปัญญาวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา ความหลุดพ้นแห่งจิตจากจากอวิชชา ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การลบความจำ

เมื่อเราพยายามจำ สิ่งนั้น ก็จะทำให้เราลืม
เมื่อเราลืม ก็จะทำให้เราไม่ได้ทำในสิ่งนั้น
สิ่งนั้น ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังอยู่ในเป็นความจำภายในใจนั่นเอง
ครั้น เมื่อเราปฏิบัติ นั่งกรรมฐาน ความคิดก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานที่คั่งค้าง หรือ สิ่งที่เรายังทำไม่เสร็จสิ้น มันจะวนเวียนอยู่อย่างนั้น เหมือนดั่งเช่นการพายเรื่อในอ่าง ทั้งนี้ เพราะเรายังทำมันไม่บรรลุผลสำเร็จนั่นเอง ดังนั้น
ให้เรารีบจด และ รีบนำไปทำให้สำฤทธิ์ผล สิ่งนี้ก็จะไม่นำกลับมาคิดอีกในการปฏิบัติธรรม กรรมฐานครั้งต่อไป

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

เพียงแค่เรากำหนดรู้ ลมหายใจ ไม่ว่าอารมณ์ สุข หรือทุกข์ เข้ามา เราก็จะเห็นว่า ทั้งสองสิ่งไม่ได้อยู่กับเรานานเลย

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ขันธ์ 5 คือ


ขันธ์ 5 คือ

รูป ร่างกาย
เวทนา รู้สึกสุข ทุกข์
สัญญา คือ ควมจำมั่นหมาย
สังขาร คิด ปรุงแต่ง
วิญญาณ คือความรู้อารมณ์ต่างๆ

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

ความทุกข์ มีอายุสั้นนัก

ความทุกข์ จริงๆแล้ว มีอายุสั้นนัก แต่เรามักต่ออายุให้มัน ด้วยการคิดวนเวียนซ้ำซาก

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะ หลวงพ่อ เปลี่ยน ปญญาทีโป วัดอรัญญวิเวก อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่ เรื่อง เคล็ดลับการทำจิตให้ว่าง

เคล็ดลับการทำจิตให้ผ่องใส ก่อนถึงสภาวะจิตว่าง
1. ให้ศึกษาดูจิต และ อารมณ์ของตนว่าเรากำลังทุกข์เรื่องใด
เมื่อเรารู้แล้ว ให้เรานึกถึงบุญกุศล ผลบุญ และคุณงามความดีที่เราเคยได้ทำ และจดจำไว้ เพื่อมาคลายความเศร้าหมอง จนกระทั่งหมดไป
2. เก็บแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่ทำให้เรามีความสุขไว้ในจิตใจ
3. ให้นึกถึงแต่เรื่องที่เป็นสุข ก่อนเข้าอารมณ์กรรมฐาน
4. การงานต่างๆ ให้ตัดทิ้งให้หมด ในขณะนั่งปฏิบัติธรรม

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

ธรรมะ หลวงพ่อ เปลี่ยน ปญญาทีโป วัดอรัญญวิเวก อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่ เรื่อง การพิจารณาตัวตน และการปล่อยวาง

ให้แยกกายออกมาเป็นส่วนๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตัวตนเรานั้นเป็นสิ่งสมมุติ ครั้นเมื่อเราแยกออกมาแล้ว ก็จะเห็นว่าไม่มีเขาไม่มีเรา ก็เปรียบเสมือนรถยนต์ ที่ถูกแยกชิ้นส่วนออกมา รถก็ไม่มีแล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นล้วนเป็นสิ่งเรียกที่เราสมมุติขึ้นมา

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สัคคกถา

ในสัคคกถา พระผู้มีพระภาคก็ทรงแสดง โดยอเนกปริยายมิใช่อันเดียว จะยกมาแสดงไว้ในที่นี้แต่พอสังเขปได้ใจความ คำที่ว่า สัคโค แปลว่า สวรรค์, แปลว่าสวรรค์อีกที่หนึ่ง ว่าโลกมีอารมณ์อันเลิศ หรือโลกเลิศด้วยอารมณ์ ได้ความตามที่มาว่า รุกขเทวดา ภุมมเทวดา อากาศเทวดา จาตุมหาราชิกาเทวดา ถึงชั้นปรนิมมิตวัสสวดีเหล่านี้ชื่อว่าสวรรค์ถึงชั้นพรหมก็ชื่อว่า สวรรค์ เพราะมีอารมณ์อันเลิศ ตามที่มาว่า เทวนิกายทั้งหลายเหล่านั้นแต่ละองค์ ๆ ทรงรูปโฉมอันผึ่งผายเพริดเพราพรายแสงแวววับ ทรงเครื่องประดับสร้อยสังวาลย์ มีทิพย์พิมานสำราญอาสน์ทองเงินนาคส่งฉายา มีนางเทพธิดาพันหมื่นแสน นั่งเฝ้าแหนคอยบำเรอ ให้ท้าวเธอเทวราช อยู่บนอาสน์ลุ่มหลงกาม ประพฤติตามต้องอัธยาศัย ทิพยโภคัย โภชนาหาร ล้วนตระการโอชารส ไม่ต้องอด ไม่ต้องหิว ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องหา ไม่ต้องทำนา ไม่ต้องทำสวน ล้วนของทิพย์เกิดด้วยบุญ เพราะต้นทุนคือทาน ศีล ภาวนา ที่ตนทำด้วยศรัทธา เกิดเป็นเทวาน่าพิศวง ทั้งอายุเล่าก็ยืนหมื่นพันปี ของเทวโลกกล่าวแต่พอสังเขปจะพรรณนาทิพยสมบัติ โสตไม่พอฟัง น่าเพลิดเพลินจริง ๆ อย่าว่าแต่เทวโลกเลย แต่สุขสมบัติในมนุษย์โลกยังไม่อาจที่จะพรรณนาให้ทั่วถึงได้สำเร็จด้วยบุญญา ภินิหาร ดังบรมราชาเสวกามาตย์เศรษฐีคฤหบดีในสกลโลกทุกวันนี้ ก็ย่อมมีอารมณ์อันเลิศ คือ รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส สารพัดล้วนอุดม ตึก ร้าน บ้าน เรือน โรง ดูระหงดัง วิมาน ไฟฟ้า ไฟสวรรค์ใช้ส่องแสงโบกพัดวีไปมาตามวิถีรถม้าเทศอัดแจ มอเตอร์คาเดินด้วยไอได้ดังใจสมประสงค์ กัลยาอนงค์นวลขึ้นเทียมคู่บนรถา รถเจ๊กและรถไอทั้งรถไฟทั่วทิศา ชลมารคล้วนนาวา ใช้ไฟฟ้าไฟถ่านฟืน กลางวันและกลางคืน ดูครึกครื้นทั่วนครา แก้วแหวนและเงินตรานับไป่ถ้วนควรปรีดิ์เปรม สมบัติมนุสสา ฉกามาทำไมกัน เพลิดเพลินทุกคืนวัน มฤตยุราชที่ไหนมี.

ถ้าจะเล็งรูปศัพท์เป็นประมาณ มนุษย์สมบัติก็ควรกล่าวว่า สัคโค หรือ สวรรค์ได้ ไม่ต้องมีความสงสัยความเป็นจริง มนุษย์สมบัติดังที่พรรณนามานี้ ก็ย่อมสำเร็จด้วยบุญญานุภาพ คือ ทาน ศีล ภาวนา ที่ตนสร้างสมมา ด้วยอำนาจศรัทธาแต่บรรพชาติเป็นเที่ยงแท้.

ถ้าผู้ใดต้องการความสุขในมนุษย์โลกและเทวโลก ไม่ควรประมาทในทาน ศีล ภาวนา เมื่อยังไม่ถึงพระนิพพานจะได้เป็นที่อาศัยเป็นสุขไปทุกชาติ ๆ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำสอน หลวงพ่อ ทองคำ แห่งสำนักปฏิบัติธรรม สันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ เรื่อง กาย จิต และ ความว่าง

คำสอน หลวงพ่อ ทองคำ แห่งสำนักปฏิบัติธรรม สันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ เรื่อง กาย จิต และ ความว่าง
ศิษย์: จิต ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าง แบบที่ไร้ซึ่งมลฑิล ใดๆ จึงเป็นที่มาของการรับรู้ จิตใจ ผู้คน โลก และ สรรพสัตว์ แต่ ก็อดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อ เวทนา ของ ร่างกายสังขาลย์ มันเกิดขึ้นเอง ไม่สามารถห้ามได้ แล้ว พระพุทธเจ้า ทรงทำอย่างไร
หลวงพ่อ: จับตัวรู้ รู้ ด้วยปัญญา รู้ที่เหตุ แล้ววาง ทำเรื่อยๆ บ่อยๆ การเกิด ดับ ในทุกๆครั้ง ก็จะเหมือนๆกัน

คำสอน หลวงพ่อ ทองคำ แห่งสำนักปฏิบัติธรรม สันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ เรื่อง สภาวะจิตที่วาระสุดท้าย

คำถามโดยศิษย์: มีหลายคน บอกว่า เราจะไปไหนต่อ หลังจากความตายอยู่ที่จิต ขณะสุดท้ายด้วย ใช่ไหม รวมถึงการดับสูญชั่วนิรันดร
หลวงพ่อ: ใช่ เป็นส่วนที่สำคัญมาก แต่ขึ้นอยู่กับกรรมด้วยนะ
ศิษย์: วาระสุดท้ายของคน ดูๆ ไปก็คล้ายๆ การนอนหลับ การนอนหลับ ก็เหมือนเราตายชั่วขณะ หรือ จิด พักผ่อน ไม่รับรู้ อะไรทั้งสิ้น อย่างนี้นี่เอง สงสัยมาต้องนาน ว่าทำไมจึงให้ฝึกตลอดเวลา แม้กระทั่งจะหลับ แต่ ศิษย์เอง ลงได้นอนที่ไรหลับทุกที กำหนดไป แล้วก็หลับ แล้วอย่างนี้ จะกำหนดไปทำไม กำหนดเพื่อดูอะไร ให้รู้อะไร
หลวงพ่อ: ก็ให้รู้ ว่า กาย กับ จิต มันดับคู่กัน อย่างไร เป็น เอกคัตตา ภาวะสุดท้ายก่อนหลับ เป็นอย่างไร แล้วตอนตื่น จิตรับรู้อะไรตื่นเพราะอะไร ฝึกให้พิจารณา ให้ทัน นี่แหละ เป็นเหตุที่ทำให้เราต้อง ซ้อมจิต ให้หนัก ให้รู้การเกิด ดับ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ทั้งนี้เพื่อที่จะได้กำหนดวาระสุดท้ายของเรานั่นเอง
ศิษย์: (ยากจัง)
หลวงพ่อ: (ถ้าง่ายเค้าก็บรรลุ กันหมด แล้วล่ะซิ หนู)

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำสอนหลวงพ่อทองคำ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านสันกู่ เรื่อง กาย จิต รูป นาม

คำถาม: ทำไมคนจึงกลัว วิญญาณ หรือ ผี
หลวงพ่อ: เรารู้ได้อย่างไรว่าเรากลัว อะไรกลัว จิต หรือ กาย
ศิษย์ ญ. : จิต กลัว
หลวงพ่อ: มองเห็นไหม (วิญญาณ)
ศิษย์ : ไม่เห็น
หลวงพ่อ: ไม่เห็นแล้วรู้ได้ไงว่ามี (มือ)สัมผัสได้ไหม
ศิษย์: ไม่ได้
หลวงพ่อ: ตามองเห็นไหม
ศิษย์: ไม่เห็น
หลวงพ่อ: อ้าวทีนี้ ตามองไม่เห็น มือก็สัมผัสไม่ได้ แต่เรารู้ว่ามี ทีนี้ อะไรล่ะที่สัมผัส (วิญญาณ) ได้ อะไรเป็นตัวรู้
ศิษย์: จิต
หลวงพ่อ: นั่นไง จิตคือผู้รับรู้ใช่ไหม บางสิ่งต้องสัมผัสด้วยกาย และ รับรู้ได้ด้วยทางจิต บางสิ่งกายก็สัมผัสไม่ได้ แต่ สามารถรับรู้และสัมผัสทางจิต ก็เหมือนฝน ฝน (ตก)มาจากไหน
ศิษย์: ตกมาจากฟ้า
หลวงพ่อ: ตอนนี้ฝนไม่ตก มองเห็นฝนไหม
ศิษย์: ไม่เห็น
หลวงพ่อ: แล้วฝนมีอยู่จริงไหม
ศิษย์: มีอยู่จริง
หลวงพ่อ: ทีนี้เห็นหรือยัง ว่ารูป และ นามต่างกันอย่างไร กาย และ จิตทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ดังนั้น การที่เรารับรู้ด้วยจิต การกลัวก็เกิดขึ้นทางจิต ถ้าเรากลัวโดย ไม่เข้าไปพิจารณามัน เรา็ก็จะไม่รู้อย่างแ้ท้จริงว่าจิต กลัวอะไร แยกไม่ออก ดังนั้นจงเข้าไปพิจารณา ในจิตของเรา เมื่อเรารู้แน่ชัดว่าจิตกลัวอะไร จากการรับรู้นั้น เราก็จะแก้ไขปัญหาความกลัวนั้นได้ ป้องกันได้ทัน เพราะ จิตก็ได้ทำหน้าที่ของเขา ในการรับรู้และระวังภัยให้กับเจ้าของ หรือตัวเรานั่นเอง

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ธรรมะ หลวงพ่อ เปลี่ยน ปญญาทีโป วัดอรัญญวิเวก อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่ เรื่อง สรุป ธรรมะ 3 ความพอดี

สรุป ธรรม รู้จักประมาณในการทำงาน
การทำงานเกินความพอดี ต่อกำลังของตน เป็นบ่อเกิดให้เกิดความทุกข์ขึ้น

สรุป ธรรม การบริหารทรัพย์สินในครอบครัว
การไม่พอดีในการบริหาร ทรัพย์สิน ของครอบครัวก็จะทำให้เกิดทุกข์

สรุป ธรรม ให้รู้จักความพอดีในการใช้ทรัพย์สินเงินทอง

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

หนึ่งใน วัดร้างพื้นที่สวรรคต สมเด็จพระนเรศวร มหาราช อ.เวียงแหง ประวัติพระพุทธรูป โบราณ วัดพระเจ้าแสนแส้ บ้านสันดวงดี

วัดร้าง ประวัติพระพุทธรูป โบราณ (พระเจ้าแสนแส้ หรือ พระเจ้าออกเหื่อ)

คำสอนจาก หลวงพ่อ ทองคำ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านสันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่เรื่อง การบรรลุ กับการเกิด

คำถาม: จากการสนทนาธรรมครั้งที่แล้ว เรื่อง อัฐิธาตุ เลยมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเรื่องการบรรลุ และ การเกิด คือ สงสัยว่าในเมื่อ ท่าน เกจิ อาจารย์ทั้งหลายได้บรรลุธรรมแล้ว สละ ละ แล้วซึ่งความเป็นตัวตน ร่างสลายกลายเป็นอัฐิธาตุแล้ว เราจะถือได้มั๊ยว่าท่าเหล่านั้น บรรลุถึงพระนิพพาน ไม่มาเกิดอีกแล้วได้หรือไม่
คำตอบจาก พระ อาจารย์: ต้องแยกกัน ระหว่างการบรรลุ กับการเกิด
  • การบรรลุ เมื่อ ท่าน เกจิ อาจารย์ทั้งหลายได้บรรลุธรรมแล้ว สละ ละ แล้วซึ่งความเป็นตัวตน ร่างสลายกลายเป็นอัฐิธาตุ นั่นถือว่าเป็นการบรรลุธรรมขั้นสูงสุดขั้นหนึ่ง แต่ถึงขั้นไหน บอกไม่ได้ เพราะตรงพระพุทธเจ้าบอกว่า ตนเท่านั้นที่รู้ หรือเรียกว่าเป็นปัจจักตัง
จะมาเกิดอีกหรือไม่ เราเคยเห็นเม็ดมะม่วงไหม
ศิษย์: ทำไมเหรอครับ
พระ อาจารย์: อะไรเป็นตัวที่ทำให้มันเกิดเป็นต้น
ศิษย์: เม็ด
พระ อาจารย์: เม็ด แล้วพอมันเริ่มงอก มันมีเปลือกมั๊ย มันสลายมั๊ย
ศิษย์: สลาย
พระ อาจารย์: งั้น ก็ไม่ใช่ เมล็ดอีกใช่มั๊ยที่เป็นตัวก่อให้เกิดต้น แสดงว่ามันอยู่ข้างในใช่มั๊ย เรามองเห็นมันมั๊ย
ศิษย์: ใช่ ไม่เห็น
พระ อาจารย์: คนก็เหมือนกัน มนุษย์ ก็เช่นเดียวกับสัตว์ ทั้งหลาย พืชก็เหมือนกัน เชื้อเกิดมันมีอยู่นิดเดียว มองไม่เห็น มนุษย์ ก็มีจิตที่เป็นเชื้อ มองไม่เห็น ดังนั้น การที่จะเกิดอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้นั้นว่า จิตครั้งสุดท้ายพอใจที่จะมาเกิดอีกหรือไม่ อันนี้ พระพุทธเจ้าท่านก็ว่า เป็นปัจจักตัง อีกเช่นกัน

คำสอนจาก หลวงพ่อ ทองคำ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านสันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่เรื่อง อัฐิธาตุ

คำถาม: เคยได้ยินมาว่า พระเกจิ ทำไมถึงเปลี่ยนธาตุได้ เป็นแก้วเป็น อะไรประมาณนี้ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า ก็เป็น พระบรมสารีริกธาตุ
คำตอบจาก พระ อาจารย์: เคยเห็นไหม
ศิษย์: เคยเห็นแต่รูป แต่ไป วัดถ้ากลองเพล หลวงปู่ขาว ก็เห็นวางอยู่ให้ดู แต่ก็ไม่แน่ใจ ว่าใช่ไหม
พระ อาจารย์: ถ้าเคยเห็น ก็แปลว่ามีใช่ไหม
ศิษย์: แล้วธาตุในร่างกายมนุษย์ เปลี่ยนได้อย่างไร
พระ อาจารย์: พูดผิด ตั้งคำถามผิด ธาตุจะเปลี่ยนได้อย่างไร
ศิษย์: อ้าว งง ครับ
พระ อาจารย์: ก็ธาตุในโลกนี้มีกี่ธาตุ มีธาตุอะไรบ้าง
ศิษย์: ดิน น้ำ ลม ไฟ มี 4 ธาตุ
พระ อาจารย์: แล้วอย่างนี้เราจะเปลี่ยน ลม เป็นดิน ได้มั๊ย น้ำ เป็นไฟ ได้มั๊ย
ศิษย์: ไม่ได้ แล้วเกี่ยวอะไรกับเรื่อง อัฐิธาตุ
พระ อาจารย์: อ้าว ก็ในร่างกายเรา อะไร เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ กระดูกเป็นอะไร
ศิษย์: น่าจะเป็น ดิน
พระ อาจารย์: ร่างกายมนุษย์ ก็เหมือนกับสัตว์ ทุกชนิด รวมปนกันอยู่เหมือนแกงโฮ๊ะ มะเขือ ที่อยู่ในนั้นก็คือมะเขือ แต่เมื่อเรานำมาปรุง เป็นแกงโฮ๊ะ เราก็เรียกว่า แกง โฮ๊ะ
ศิษย์: งง อีก แล้วเกี่ยวอะไรกับ เรื่อง อัฐิธาตุ
พระ อาจารย์: อ้าว ก็ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็เพียงแค่ ปฏิบัติ จนกระทั่งนำจิต ไปขัดเกลาจำแนก แร่ธาตุ ต่างๆในร่างกายออกมา จนกระทั่งหมดจด ละทิ้งความเป็นตัวตนอย่างแท้จริง ทุกสิ่งในสังขารก็กลับคืนสู่ธรรมชาติจนหมดสิ้นเมื่อละสังขาร เท่านั้นแล
ศิษย์: หลวงพ่อทำให้ผมทึ่งอีกแล้วครับ นั่น แสดงถึงว่า ทุกผู้ทุกคนก็มาจากจุดกำเนิดเดียวกันนั่นก็คือ ธรรมชาติ หรือ ถ้าพูดอีกนัยหนึ่ง ทุกคนเกิดมาบนโลกมนุษย์ ก็เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ได้ไหมครับ
พระ อาจารย์: ก็จะว่ากันอย่างนี้ก็ได้
ศิษย์: โอ้ แล้วทุกวันนี้คน ดิ้นรน หาฆ่าฟันกันเพื่อสิ่งใดเล่านี่ ถึงว่าพระพุทธองค์จึงตั้งศีลข้อ ปาณาติปตา ไว้เป็นข้อที่ 1

คำสอนจาก หลวงพ่อ ทองคำ สำนักปฏิบัติธรรม บ้านสันกู่ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่เรื่อง การถ่ายทอดความจำ

คำถาม: ทำไมนั่งปฏิบัติธรรม แล้ว จึงคิดเยอะ ?
คำตอบจาก พระ อาจารย์: แล้วที่คิดน่ะเป็นเรื่องของใคร เรื่องที่คิดใครเจอ
ศิษย์: ก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เราเจอ เอง
พระ อาจารย์: เป็นเรื่องคนอื่นเจอ ได้มั๊ย ถ้าเขาไม่ได้เล่าให้เราฟัง
ศิษย์: ไม่ได้
พระ อาจารย์: ดังนั้นสรุปแล้วเป็นเรื่องของเค้า หรือ ของเราที่รู้ ที่คิด
ศิษย์: เป็นเรื่องของเรา
พระ อาจารย์: แล้วเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิด หรือ เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว ชาตินี้ หรือ ชาติที่แล้ว
ศิษย์: ชาตินี้ บางเรื่องก็นานจนลืม บางเรื่อง ก็เพิ่งเกิด บางเรื่องเป็นเรื่องที่เราคิดจะทำแต่ไม่ได้ทำ
พระ อาจารย์: เรามักจะถูกสอนว่า เรื่องสำคัญ เรื่องเร่งด่วน ให้จัดมันก็เลยมีหลายเรื่องที่เราละเลยไป แท้จริงแล้ว มันก็สำคัญหมดนั่นแหละ เรามัวแต่ไปทำสิ่งที่ได้รายได้ ที่เราคิดว่าสำคัญก่อน ก็เลยละเลยไปหลายเรื่อง จิตเรารู้ว่ายังไม่ได้ทำ ก็เลยมาแสดงให้เราดูว่ามันยังไม่เสร็จนะ ให้รีบไปทำซะ
ศิษย์: แล้วมันจะหยุดคิดได้อย่างไร
พระ อาจารย์: เรื่องนี้เป็นของเรา ใช่ไหม มันก็เหมือนข้อมูลที่เราเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ใครเป็นคนเก็บ
ศิษย์: เราเก็บ
พระ อาจารย์: แล้วคนอื่นจะรู้ที่เก็บของเรามั๊ย
ศิษย์: ไม่รู้
พระ อาจารย์: แล้วคนอื่นจะลบข้อมูลของเราได้มั๊ย
ศิษย์: ไม่ได้
พระ อาจารย์: แล้วทีนี่ใครควรจะลบล่ะทีนี้ ความคิดเราเอง
ศิษย์: โอ้ เข้าใจแล้ว ขอขอบคุณ หลวงพ่อที่ให้ความกระจ่าง