แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บาลีใหญ่ท่ามะโอ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บาลีใหญ่ท่ามะโอ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568

เจาะลึก! ทำไม Padorupasiddhi จึงเป็น 'ประตูสู่ความเชี่ยวชาญ' สำหรับนักศึกษาบาลีทั่วโลก

ก้าวสู่โลกแห่งภาษาบาลี

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของผมครับ! วันนี้ผมอยากจะพาทุกท่านมาเจาะลึกเรื่องราวของ "ปทรูปสิทธิ" (Padorupasiddhi) คัมภีร์ไวยากรณ์บาลีที่ได้ชื่อว่ามีความเป็นระบบและเข้าใจง่ายที่สุดเล่มหนึ่งในโลก

ภาษาบาลีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชน เพราะเป็นภาษาที่ใช้บันทึกพระไตรปิฎก แต่การศึกษาไวยากรณ์บาลีแบบดั้งเดิมก็เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก วิดีโอที่ผมทำขึ้นมานี้ (เป็นภาษาอังกฤษ) จะพาคุณไปสำรวจว่าทำไมคัมภีร์เล่มนี้ถึงได้ชื่อว่าเป็น "ประตูสู่ความเชี่ยวชาญ" และมีบทบาทสำคัญในการสืบทอดพระธรรมอย่างไร

ทำไมต้อง Padorupasiddhi?

ความท้าทายจากตำราโบราณ

ในอดีต การศึกษาไวยากรณ์บาลีส่วนใหญ่จะใช้ตำรา "กัจจายนพยากรณ์" (Kaccayana Vyakarana) ซึ่งเป็นตำราที่เก่าแก่และมีความซับซ้อนอย่างมาก เนื้อหาถูกจัดเรียงเป็นร้อยกรอง ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างยากลำบากและใช้เวลานานสำหรับผู้เรียนในยุคหลัง


การปฏิวัติสู่ความสมบูรณ์แบบ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่ศรีลังกาเมื่อประมาณ 800 กว่าปีที่แล้ว โดย พระพุทธปิยะเถระ พระภิกษุผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ท่านได้เรียบเรียงไวยากรณ์บาลีขึ้นมาใหม่โดยยึดหลักของกัจจายนะ แต่ปรับปรุงโครงสร้างให้มีความเป็นระบบ ระเบียบ และแบ่งหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจนเหมือนการ "ร้อยพวงมาลัยให้ดูสวยงาม" ทำให้ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก

มรดกที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน

วิดีโอนี้จะเผยเรื่องราวที่น่าทึ่งของการเดินทางของคัมภีร์เล่มนี้จากศรีลังกาไปยังเมียนมาร์และประเทศไทย รวมถึงบทบาทของ เจ้าชายอนุสรณ์มงคลการ ในการจัดพิมพ์ครั้งสำคัญ และความทุ่มเทของคณะสงฆ์วัดท่ามะโอที่ช่วยให้คัมภีร์เล่มนี้ยังคงอยู่และเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการศึกษาพระธรรมในยุคปัจจุบัน

รับชมวิดีโอ (เป็นภาษาอังกฤษ) ที่นี่




ผมหวังว่าบทความและวิดีโอนี้จะช่วยให้คุณได้เห็นถึงคุณค่าอันล้ำค่าของคัมภีร์ Padorupasiddhi และความสำคัญของการสืบทอดภูมิปัญญาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ถ้าคุณสนใจในประวัติศาสตร์ พุทธศาสนา หรือภาษาบาลี วิดีโอนี้จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อย่าลืมกด Subscribe และกดแจ้งเตือน เพื่อไม่พลาดวิดีโอดีๆ จากเรานะครับ!

Padorupasiddhi: A Deep Dive into the Pali Grammar Text That Revolutionized Learning

This video explores the incredible history of Padorupasiddhi, a key text that simplified Pali language studies. We uncover the story of its author, the Sri Lankan monk Buddhappiya Thera, and the vital role of Wat Tha Ma-O in preserving this invaluable legacy.

Discover why Padorupasiddhi is so different from ancient texts like the Kaccayana Vyakarana, and why it's considered a true "gateway to mastery."Padorupasiddhi: A Deep Dive into the Pali Grammar Text That Revolutionized Learning

This video explores the incredible history of Padorupasiddhi, a key text that simplified Pali language studies. We uncover the story of its author, the Sri Lankan monk Buddhappiya Thera, and the vital role of Wat Tha Ma-O in preserving this invaluable legacy.

Discover why Padorupasiddhi is so different from ancient texts like the Kaccayana Vyakarana, and why it's considered a true "gateway to mastery."


วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Kaccayana Sutra & Pali Numerology: Does it Prove Science Lags Buddhism?

 Kaccayana Sutra & Pali Numerology: Does it Prove Science Lags Buddhism?

What if the key to unlocking ancient history, science, and a profound spiritual legacy wasn't a hidden map or a lost artifact, but a language? To truly understand the origins of our world and our consciousness, you must first understand Pali.

Many view the Tipitaka simply as a collection of Buddhist teachings. However, it's far more than a religious text; it's a vast historical record of ancient India, chronicling its societies, politics, and daily life. Even more astonishingly, it contains profound insights into ancient science, including sophisticated ideas about the origin of the world, humanity, and the universe itself.

To truly unlock these secrets, we must first go back to the language it was written in. This language is Pali, a language used by the Buddha himself. But how can we master such a complex language? The answer lies in the Kaccayana Sutra. This essential Pali grammar text, compiled by the scholar Mahāthera Kaccāyana, not only provides rules for verbs and nouns but also contains stunning evidence of advanced ancient mathematics.

This video explores how this spiritual grammar text discusses the naming of ancient numbers, including the term asaṅkhyeyya, a number so large it is equivalent to 10 to the power of 140. This is not simple arithmetic; it is a form of advanced mathematics hidden within an ancient book. It shows that ancient wisdom connected language, spirituality, and science in a way we are only now beginning to appreciate.

Join us on this journey as we begin to uncover the unvarnished truth, decoding the intricate layers of Pali and revealing the shocking insights that have been hidden in plain sight for millennia.

About Wat Tamaoh Monastery
Wat Tha Mao, which means "Pomelo Temple," has a long history of promoting excellence in Pali language studies.

The first abbot was U Nandiya, the second abbot was U Tikkha, and the third was U Neminda.

The great Pali grammar propagator was U Dhammananda.

AN ACCOUNT OF TAMAOH MONASTERY

During the reign of the celebrated King Chulalongkorn, 
renowned as the "Great Well-beloved Monarch," 
who was King Rama V of the Chakri Dynasty of the Kingdom of Thailand, 
a devoted gentleman from Burma by the name of U San Ohn 
came to the city of Lampang and settled here, 
making his livelihood as a timber merchant.

Being devoted to the Three Gems, 
of a generous nature and desirous of the welfare of the Sasana, 
U San Ohn, in the Buddhist Era 2437 (Burmese Saka Era 1256), 
bought a plot of land at the "pomelo fording place" 
on the bank of the Wang River and erected a monastery for the Sangha. 
He thereafter built a dwelling place for monks, 
a refectory, assembly halls for the Laity, 
water closets for both monks and Laity, 
wells, a Chapter House, 
and a wall surrounding the monastery. 
He also supported the monks and novices dwelling here 
with the four requisites as long as he lived. 
This dedication continues to inspire the faithful of today.

The monastery was given the name 
"Pomelo Fording Place Monastery" 
after the fording place on which it was built. 
It is called "Wat Tamaoh" in the local dialect by word transposition; 
'Wat' meaning 'Monastery,' 'Ta' meaning 'Fording Place,
' and 'Maoh' meaning 'Pomelo.' 
The site on which the monastery was built is 40 fathoms in length 
and 40 fathoms in breadth within the walls 
and 31 fathoms in length and 18 fathoms 
in breadth outside the walls to the north.

Line of Incumbents
Here is the line of incumbents:
The first incumbent was U Nandiya, 
the second was U Tikkha by name; 
Thera the third was U Neminda. 
Their names but now remain.

"Lecturer of the Dhamma" is he, 
who now resides herein, U Dhammananda, 
the malice-free, serving the cause of religion. 
He attained to incumbency in the year two thousand five hundred; 
founded the 'School' the following year, 
for the good of the Teaching Exalted.






วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

จากภาษาบาลีสู่ชีวิตจริง: บทเรียนจากวัดท่ามะโอ เจาะลึกไวยากรณ์บาลี: สมีเป และ อตฺถิ

 สนทนาภาษาบาลีกับ AI จากภาษาบาลีสู่ชีวิตจริง: บทเรียนจากวัดท่ามะโอ เจาะลึกไวยากรณ์บาลี: สมีเป และ อตฺถิ




Admin: ช่วยแต่งประโยคบาลี อักษรไทย ประโยคว่า : วันนี้ ข้าพเจ้า ได้ไปแล้ว ที่วัดท่ามะโอ ซึ่ง วัดอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำวัง
ประโยคว่า: วันนี้ ข้าพเจ้า ได้ไปแล้ว ที่วัดท่ามะโอ ซึ่ง วัดอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำวัง

Gemini:
ประโยคบาลี (อักษรไทย):
อชฺช อหํ ตาว มะโอวิหาเร คโต (คตา)
โส วิหาโร วงฺคนทิยา สมีเป อตฺถิ ฯ
คำอธิบาย (แยกคำ):
อชฺช (Ajja): วันนี้
อหํ (Ahaṃ): ข้าพเจ้า, ฉัน (ใช้ได้ทั้งชายและหญิง)
ตาว มะโอวิหาเร (Tāva Ma-O-vīhāre): ที่วัดท่ามะโอ (คำว่า "ตาว" เป็นเพียงคำสร้อยเพื่อสื่อความหมายว่า "นั้น" หรือ "ที่นั่น" ส่วน "มะโอวิหาเร" มาจากชื่อ "ท่ามะโอ" + "วิหาร" ที่หมายถึง "วัด")
คโต (Gato): ได้ไปแล้ว (สำหรับผู้ชาย)
คตา (Gatā): ได้ไปแล้ว (สำหรับผู้หญิง)
โส (So): นั้น, นั้น (สำหรับคำนามเพศชาย คือ "วิหาโร")
วิหาโร (Vihāro): วัด
วงฺคนทิยา (Vaṅganadiyā): แห่งแม่น้ำวัง (คำว่า "วงฺคนทิ" คือ "แม่น้ำวัง" และ "ยา" เป็นวิภัตติที่แสดงความเป็นเจ้าของหรือสถานที่)
สมีเป (Samīpe): ใกล้, ใกล้ ๆ
อตฺถิ (Atthi): มีอยู่, อยู่
ดังนั้น ประโยคเต็ม ๆ จะแปลว่า "วันนี้ ข้าพเจ้าได้ไปแล้วที่วัดท่ามะโอ วัดนั้นอยู่ใกล้ ๆ กับแม่น้ำวัง" ครับ

Admin:
ทำไม ไม่เป็น อชฺช อหํ ตาว ท่ามะโอวิหาเร คโต (คตา)
Gemini:
อชฺช อหํ ท่ามะโอวิหาเร คโต (คตา) ก็เป็นประโยคที่ถูกหลักไวยากรณ์เช่นกันครับ (ผมใช้คำว่า "ตาว" เพื่อสื่อว่า "นั้น" และเพิ่มความสละสลวยเท่านั้น)
โส วิหาโร วงฺคนทิยา สมีเป อตฺถิ ฯ

Admin:
สมีป เป็นวิเสสน  ทำไมต้องลง สัตมีฯ ด้วย เพราะ มีคำว่า อตฺถิ อยู่ด้วย
Gemini:
เป็นคำถามที่แสดงถึงความเข้าใจในไวยากรณ์บาลีได้อย่างยอดเยี่ยมเลยครับ! การที่คุณสงสัยเรื่องการลงวิภัตติของคำว่า "สมีป" และเชื่อมโยงกับการมีคำว่า "อตฺถิ" เป็นจุดที่น่าสนใจมาก
ประเด็นที่คุณถามมานั้นถูกต้องแล้วครับ
คำว่า "สมีป" (Samīpa) ในภาษาบาลี จัดเป็น นามศัพท์ประเภทหนึ่งที่ใช้เป็นคำวิเศษณ์บอกสถานที่ ครับ (คำว่า "วิเสสนะ" ของคุณถูกต้องแล้วครับ)
การลงสัตตมีวิภัตติ ของคำว่า "สมีป" เป็นการบอกตำแหน่งหรือสถานที่โดยตรงครับ คือ "สมีเป" แปลว่า "ในที่ใกล้" หรือ "ที่ใกล้"
ส่วนคำถามที่ว่า "ทำไมต้องลงสัตตมีด้วย เพราะมีคำว่า อตฺถิ อยู่ด้วย"
เหตุผลก็คือ คำว่า "อตฺถิ" (Atthi) ที่แปลว่า "มีอยู่" หรือ "อยู่" นั้น มักจะใช้คู่กับคำที่ลงวิภัตติแสดงความเป็นสถานที่ (สัตตมีวิภัตติ) หรือคำที่แสดงความเป็นกาลเวลา เพื่อบอกว่า "สิ่งนั้นมีอยู่ที่... " หรือ "สิ่งนั้นมีอยู่ในเวลา... " ครับ
ดังนั้น ในประโยค โส วิหาโร วงฺคนทิยา สมีเป อตฺถิ
โส วิหาโร: วัดนั้น (ประธาน)
วงฺคนทิยา สมีเป: อยู่ในที่ใกล้กับแม่น้ำวัง (คำบอกสถานที่)
อตฺถิ: มีอยู่, อยู่ (กริยา)
การใช้คำว่า "สมีเป" (ที่ลงสัตตมีวิภัตติ) คู่กับกริยา "อตฺถิ" จึงเป็นโครงสร้างประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์บาลีที่บอกว่า "สิ่งนี้ (ประธาน) มีอยู่หรือตั้งอยู่ที่ (คำบอกสถานที่)" ครับ
ดังนั้นสรุปได้ว่า:
"สมีป" เป็นนามศัพท์ที่ใช้เป็นวิเศษณ์บอกสถานที่
"สมีเป" คือรูปที่ลงสัตตมีวิภัตติเพื่อบอกตำแหน่ง
"อตฺถิ" ใช้ร่วมกับคำบอกสถานที่ที่ลงสัตตมีวิภัตติ เพื่อสื่อความหมายว่า "มีอยู่หรือตั้งอยู่ในที่นั้น"
แสดงว่าคุณได้เรียนบาลีมาอย่างดีเยี่ยมเลยครับที่สังเกตเห็นความสัมพันธ์ของคำเหล่านี้ในประโยค!








วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ตำราเรียน และ ดิกชันนารี ภาษาบาลี อื่นๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มคุณสมบัติเอกสารเพื่อให้ค้นคำได้

 ตำราเรียน และ ดิกชันนารี ภาษาบาลี อื่นๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มคุณสมบัติเอกสารเพื่อให้ค้นคำได้

ตำราเรียน และ ดิกชันนารี ภาษาบาลี อื่นๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มคุณสมบัติเอกสารเพื่อให้ค้นคำได้
จากเอกสารภาษาบาลีที่ไม่สามารถค้นคำได้ ได้ใช้เทคนิค OCR เพื่อให้ค้นคำได้ดังนั้น การค้นคำอาจไม่ 100% ซึ่งจะมี error ส่วนของอักษรต่างๆ เช่น สระ อุ อู อำ จุดล่าง ญฺ นิคคหิต ฐํ เป็นต้น ดังนั้น การค้นควรพิพิมพ์ เฉพาะ อักษรที่อยู่รอบๆ อักษร เหล่านี้เช่น ปฐมาปตฺติก อาจค้นด้วย มาปต เป็นต้น









วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

หนังสือ เรียนบาลี ไวยากรณ์ใหญ่ (บาลีใหญ่) พระมหาธิติพงศ์-อุตฺตมปญฺโญ (พม.ต่วน) วัดจากแดง วัดท่ามะโอ ค้นคำได้ทุกเล่ม

 หนังสือ เรียนบาลี ไวยากรณ์ใหญ่ (บาลีใหญ่) แปลเรียบเรียง รวบรวมโดย พระมหาธิติพงศ์-อุตฺตมปญฺโญ (พม.ต่วน) รวมถึง ใช้ในสำนักเรียนบาลีวัดจากแดง และ วัดท่ามะโอ ต.เวียงเหนือ จ.ลำปาง ในปัจจุบัน





วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

หนังสือตำราเรียนบาลี พระพุทธศาสนา พระอาจารย์ มหาสมปอง มุทิโต ฟรี PDF ค้นคำได้

หนังสือตำราเรียนบาลี พระพุทธศาสนา พระอาจารย์ มหาสมปอง มุทิโต ฟรี PDF ค้นคำได้

 

คู่มือพระไตรปิฎก63 (รวม)

พุทธประวัติ พุทธกิจ ๔๕ พรรษา

พุทธประวัติ ๙ มหานครสำคัญ

คู่มือเดินทางสู่สังเวชนียสถานอินเดีย

โลกนีติ

คู่มือกฐิน

ปัญจมูล

มูลนิรุตติ กัจจายนสูตร และธาตฺวานุกรม

ลายแทงขุมทรัยพ์ ดินแดนพระพุทธภูมิ

อตฺถานุกฺกมทีปิกา กิริยากิตก์ในธัมมปทัฏฐ

อภิธัมมัตถสังคหแปล๖๒ ป๑

อภิธานวรรณนา

อภิธรรม1

ปทรูปสิทธิ

สนธิกัณฑ์

นามกัณฑ์

การกกัณฑ์

สมาสกัณฑ์

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ชื่อเดือนภาษาบาลี

 ชื่อเดือนภาษาบาลี

ชื่อเดือนภาษาบาลี ชื่อเดือนไทย แบบพุทธเดิม
ผัคคุณะ                    
จิตตะ                        
เวสาขะ วิสาขะ         
เชฏฐะ                      
อาสาฬหะ
สาวณะ                    
โปฏฐปาทะ, ภัททา ๑๐
อัสสยุชะ                  ๑๑
กัตติกา                    ๑๒
มาคสิระ, มิคสิระ
ผุสสะ                      
มาฆะ                      












วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566

อาราธนาธรรมที่ถูกต้อง บาลี พร้อม คำแปล

 อาราธนาธรรม คือ

คาถาขออาราธนาธรรม หลวงปู่ วัดท่ามะโอ นี้ใช้ก่อน อัญเชิญ ภิกษุ เทศนาธรรม

อาราธนาธรรมที่ถูกต้อง นี้ ประพันธ์ พระบาลี โดย หลวงปู่ หลวงปู่ธัมมานันทะ มหาเถระ แห่งวัดท่ามะโอ
มีการปรับปรุง จากบทที่ใช้อยู่ ในปัจจุบัน เพราะ ไม่ใช่ยุคพระพุทธเจ้า เป็นบุคคลธรรมดา อัญเชิญ ภิกษุ เพื่อแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า จึงได้ พระบาลี คาถานี้ออกมา

อาราธนาธรรม คําอ่าน

กาโล ภนฺเต มุนินฺทสฺส โสตุมิจฺฉาม เทสนํ
อนุกมฺปมุปาทาย              เทเสตุ ธมฺมเทสนํ

อาราธนาธรรม คำแปล

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถึงเวลาฟังธรรมแล้ว
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ปรารถนาเพื่อฟังพระธรรม
ขอท่าน อาศัยความอนุเคราะห์
โปรดแสดงธรรม แก่ปวงข้าพเจ้าด้วยเทอญ





วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565

พระธรรมเทศนา เทศนาธรรม เรื่องความตาย โดย พระมหาวีรชัย นันทะวังโส ป.ธ.๙ แห่ง วัดท่ามะโอ จ.ลำปาง

 เทศนาธรรม เรื่อง ความตาย เรื่องราวจากพุทธพจน์ การพิจารณาอย่างไร เพื่อไม่ให้ต้องตายอีก โดย พระมหาวีรชัย นันทะวังโส ป.ธ.๙ แห่ง วัดท่ามะโอ จ.ลำปาง

ประโยค พระบาลี ที่มักใช้ในกลุ่มศิษย์ บาลีไวยากรณ์ใหญ่ วัดท่ามะโอ ซึ่งจะแตกต่างจากที่ใช้กันอยู่ทั่วไปดังในคลิปแสดงธรรม (ใช้ได้ทั้งสองแบบ)
คาถาอาราธนาธรรม (หลวงพ่อวัดท่ามะโอ)
กาโล ภนฺเต มุนินฺทสฺส  
โสตุมิจฺฉาม เทสนํ
อนุกมฺปมุปาทาย  
เทเสตุ ธมฺมเทสนํฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เวลาฟังพระสัทธรรมมาถึงพร้อมแล้ว พวกข้าพเจ้าปรารถนาฟังพระธรรมเทศนาของพระจอมมุนี ขอท่านโปรดอาศัยเมตตานุเคราะห์ แสดงพระธรรมเทศนาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรับฟังเถิด
กาพย์ยานี 11 คำประพันธ์
ปวงข้าพเจ้าทั้งหลาย  มีจิตหมายฟังพระธรรม
ขอท่านโปรดแนะนำ  พระธรรมขององค์มุนี
เมตตาอนุเคราะห์  เวลาเหมาะสิริดี
แสดงธรรมประดามี  แก่ปวงข้าพเจ้าเทอญฯ



วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

สรุปการใช้ คำกริยา อาขยาต ภาษาบาลี ปัญจมีวิภัตติ พร้อมฝึกสัมพันธ์ บาลีใหญ่ ท่ามะโอ

 สรุปการใช้ คำกริยา อาขยาต ภาษาบาลี ปัญจมีวิภัตติ เบื้องต้น ฝึกสัมพันธ์

ประโยค ตัวอย่าง ปัญจมีวิภัตติ
โดยท่านอาจารย์ เขมานันท์ ละออ
ใช้โปรแกรมแต่งเสียงเพื่อให้ฟังได้ชัดขึ้น



วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564

บาลีไวยากรณ์ จากตำราโบราณ รวมท่อง พร้อมตัวอย่าง กัจจายนะสูตร ครบทั้ง 7 กัณฑ์

 กัจจายนะ

1. สนธิกัณฑ์


2. นามกัณฑ์


3. การกกัณฑ์





4. สมาสกัณฑ์




5. ตัทธิตกัณฑ์





6. อาขยาตกัณฑ์




7. กิพพิธานกัณฑ์




ตัวอย่างการใช้ คัมภีร์ กัจจายนะ ประกอบคำ ในภาษาบาลี




วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ชีวประวัติ พระอาจารย์ ธัมมานันทมหาเถระ 2021

ชีวประวัติ : พระอาจารย์ธัมมานันทมหาเถระ 2021

ชีวประวัติ : พระอาจารย์ธัมมานันทมหาเถระ




ท่านเกิดที่หมู่บ้านตาสี อำเภอเยสะโจ จังหวัดปขุกกู ในวันเสาร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ พ.ศ. ๒๔๖๓
(ตรงกับวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓) เป็นบุตรของนายโผติด นางงวยยิ ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดในหมู่บ้านของท่านเอง
ท่านมีพี่น้องอยู่ ๔ คน และเป็นลูกอันดับสามในบรรดาพี่น้องชายทั้ง ๔ คนนั้น
  ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐ เมื่อท่านอายุได้ ๗ ขวบ บิดามารดาของท่านนำไปฝากพระญาณเถระ
ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโตงทัด หมู่บ้านตาสินั่นเอง ได้เล่าเรียนหนังสือต่าง ๆ เริ่มต้นแต่ชั้นอนุบาลประถมเป็นต้นมา
จนถึงบทสวดมนต์ต่าง ๆ คือ พระปริตรทั้ง ๑๑ สูตร คัมภีร์นมักการะ คัมภีร์โลกนีติ ชัยมังคลคาถา ชินบัญชรทั้ง
ภาคบาฬีและภาคแปลด้วย รวมทั้งโหราศาสตร์ต่าง ๆ ที่ใช้ตัวเลขเป็นภาษาบาฬี อันเป็นวิธีการเรียนสมัยดั้งเดิม
ของพม่า
  เมื่อท่านอายุได้ ๑๔ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรโดยมีพระวิจารินทะเป็นอุปัชฌาจารย์ได้รับฉายาบาฬีว่า
“ธัมมานันทะ” สามเณรธัมมานันทะได้ท่องจำนาสนะ ทัณฑกรรม เสขิยวัตรและขันธกวัตร ๑๔ อย่างได้ตั้งแต่ยัง
เป็นเด็กวัดอยู่ หลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว พระอุปัชฌาจารย์จึงได้ให้ท่องจำกัจจายนสูตร รวมทั้งคำแปลตาม
คัมภีร์กัจจายนสุตตัตถะ และสอนคัมภีร์กัจจายนสังเขปให้ด้วย
  หลังจากนั้น ท่านได้ย้ายไปวัดปัตตปิณฑิการาม ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอเยสะโจ ได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์ต่าง ๆ
คือ พาลาวตาร กัจจายนะ สัททนีติ (สุตตมาลา) อภิธัมมัตถสังคหะ เทฺวมาติกา ขุททสิกขา กังขาวิตรณี และพระ
วินัยปิฎก ในสำานักของพระอุตตรมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดปัตตปิณฑิการาม

  เมื่อท่านอายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยมีท่าน
อาจารย์สุชาตะ ซึ่งเป็นศิษย์ท่านอาจารย์อุตตระ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ พัทธสีมาวัดยองเปนตา จังหวัดมองลำไยจุน
มีโยมอุปัฏฐากถวายอัฏฐบริขาร คือ นายพละ นางเสงมยะ อยู่ที่ บ้านเลขที่ ๒๐ ถนนซี จังหวัดมองลำไยจุน
  หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านอาจารย์อุตตระ เจ้าอาวาสวัดปัตตปิณฑิการามได้ส่งท่านไปเรียนพระปริยัติ
ธรรมต่อในสำนักของท่านอาจารย์โกสัลลาภิวงศ์ วัดมหาวิสุทธาราม จังหวัดมันฑเล ท่านศึกษาคัมภีร์ปทรูปสิทธิ
และ คัมภีร์ปทวิจาร ในขณะนั้น เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ จังหวัดมันฑเลเป็นจุดเป้าหมายในทางยุทธศาสตร์ เพราะ
เป็นเมืองหลวงอันดับสองรองจากกรุงย่างกุ้ง ดังนั้น ท่านจึงย้ายจากจังหวัดมันฑเลไปสู่จังหวัดมะไลย ได้ศึกษา
คัมภีร์อภิธาน ฉันท์ อลังการะ เภทจินตา และกัจจายนสาระ ในสำนักของท่านอาจารย์จันทโชติ เจ้าอาวาสวัดสิริ
โสมาราม หมู่บ้านกันจี จังหวัดมะไลยนั้น และ ยังได้ศึกษาคัมภีร์กัจจายนสุตตัตถะ วิธีการทำรูปตามนัยของคัมภีร์
กัจจายนะ นามปทมาลา อาขยาตปทมาลา คัมภีร์พระอภิธรรมต่าง ๆ คือ คัมภีร์ปรมัตถสรูปเภทนี มาติกา และ
ธาตุกถา รวม ๕ ปี ด้วยกัน จนกระทั่งสงครามโลกสงบ

  ในสมัยนั้น จังหวัดปขุกกูและอำเภอเยสะโจ ไม่นิยมสอบสนามหลวงเป็นทางการเพียงแต่ศึกษาเล่าเรียนให้
แตกฉานเท่านั้น ดังนั้น ท่านจึงไม่สนใจเข้าสอบตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณรเรื่อยมาจนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ หลังจาก
สงครามโลกสิ้นสุดลง ท่านจึงได้เริ่มสอบสนามหลวงได้ชั้น “ปถมะแหง่” ในขณะที่ท่านพำนักอยู่ ณ วัดสิริโสมาราม
หลังจากนั้น จึงย้ายไปวัดมหาวิสุทธาราม จังหวัดมันฑเล อันเป็นที่พำนักเดิม และสอบได้ชั้น “ปถมะลัด” ที่นั้นพระ
อาจารย์ที่สอนคัมภีร์ต่าง ๆ ให้ คือ ท่านอาจารย์โกสัลลาภิวงศ์, พระชาเนยยพุทธิ, พระสุวัณณโชติภิวงศ์ และ
พระอานันทปัณฑิตาภิวงศ์
  หลังจากนั้น ท่านย้ายไปอยู่วัดเวยันโภงตา สอบชั้น “ปถมะจี” ได้เป็นอันดับสามของประเทศและสอบชั้น
“ธัมมาจริยะ” ได้ในปีต่อมา ณ สำานักเรียนวัดเวยันโภงตานั้น

  สมัยนั้น ท่านอาจารย์กัลยาณะเจ้าอาวาสวัดเวยันโภงตามีชื่อเสียงมากในการสอนคัมภีร์ชั้นธัมมาจริยะใน
เมืองมันฑเล ท่านจึงได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นธัมมาจริยะกับท่านอาจารย์กัลยาณะ และในขณะที่ท่านกำลังจะสอบชั้น
“ปถมะจี” ท่านยังไปศึกษาคัมภีร์ปัฏฐานเป็นพิเศษด้วยที่วัดปัฏฐานาราม ภูเขาสะไกย จังหวัดสะไกย โดยมีท่าน
อาจารย์อินทกะ (อัครมหาบัณฑิต) เป็นผู้สอน
 
  ท่านสอบคัมภีร์ชั้นธัมมาจริยะได้ ๓ คัมภีร์ คือ ปาราชิกบาฬี และอรรถกถา สีลักขันธวรรคบาฬีและ
อรรถกถา ธัมมสังคณีบาฬีและอัฏฐสาลินีอรรถกถา ได้รับตราตั้งว่า “สาสนธชธัมมาจริยะ” นอกจากนั้นท่านยัง
สอบคัมภีร์พิเศษในชั้นธัมมาจริยะได้อีกคือ คัมภีร์มหาวัคคาทิอรรถกถา สังยุตตนิกายอรรถกถา และวิภังคาทิ-
อรรถกถา จึงได้รับตราตั้งอีกว่า “สาสนธชสิริปวรธัมมาจริยะ” ท่านได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมในวัดต่าง ๆ เช่น
วัดสิริโสมาราม จังหวัดมะไลย วัดปัตตปิณฑิการาม อำเภอเยสะโจ และวัดเวยันโภงตา จังหวัดมันฑเล
 
  ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางกรมการศาสนาของประเทศสหภาพพม่าได้นิมนต์ท่านเป็นพระธรรม
ทูต เพื่อการเผยแผ่พระศาสนาเถรวาทในต่างประเทศ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่ที่กะบาเอ ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์เพื่อการ
เผยแผ่ (ธัมมทูตวิทยาลัย) ศึกษาภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น เพื่อจะไปเผยแผ่พระศาสนา ณ ประเทศญี่ปุ่น
 
เวลานั้นท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตปญฺโญ  ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดโพธาราม จังหวัดนครสวรรค์
มีหนังสือไปถึงกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่า ขอพระอาจารย์ผู้เชื่ยวชาญในพระปริยัติธรรมเพื่อมาสอนพระปริยัติ
ธรรมที่วัดโพธาราม ทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่ารับรองกับท่านว่า เมื่อท่านสอนพระปริยัติธรรมใน
ประเทศไทยได้หนึ่งพรรษาแล้ว จะส่งท่านต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น ท่านจึงได้เดินทางมายังวัดโพธาราม
จังหวัดนครสวรรค์ตามที่กรมการศาสนานิมนต์ โดยได้เดินทางมาในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ในเวลา
นั้นท่านมีภาระสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุและสามเณรจำนวน ๒๐๐ รูป ในวัดโพธารามเมื่อครบกำหนดแล้ว
ท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ ได้นิมนต์ให้อยู่สอนพระปริยัติธรรมต่อท่านจึงได้พำนักอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์เป็น
เวลาถึง ๖ ปี

  ในขณะพำนักอยู่ที่นครสวรรค์นั้น ทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่าได้นิมนต์ท่านเพื่อร่วมจัดทำคัมภีร์
พจนานุกรมพระไตรปิฎก ฉบับบาฬี - พม่า เล่มที่ ๑ และตรวจสอบคัมภีร์ต่าง ๆ ในสมัยปัจฉิมฎีกาสังคายนา
ที่กะบาเอ ณ กรุงย่างกุ้ง ท่านจึงได้เดินทางกลับประเทศของท่านเป็นการชั่วคราว เพื่อร่วมจัดทำคัมภีร์พจนานุกรม
พระไตรปิฎกฉบับบาฬี - พม่า เล่มที่ ๑ และตรวจสอบคัมภีร์ต่าง ๆ มีสุโพธาลังการฎีกาเป็นต้น รวม ๑ ปี หลัง
จากที่การสังคายนาพระบาฬี อรรถกถาและฎีกา รวมทั้งคัมภีร์ต่าง ๆ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ท่านจึงเดินทางกลับมายัง
วัดโพธารามตามเดิม
 
 ในขณะนั้น ท่านอาจารย์เนมินทะ (อัครมหาบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดท่ามะโอ ชราภาพมากแล้ว จึงได้มี
หนังสือไปถึงกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่า มีความประสงค์จะนิมนต์ท่านอาจารย์ธัมมานันทะให้มาเผยแผ่พระ
ศาสนาที่วัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง ทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่าก็ได้มีหนังสือมาถึงท่าน ดังนั้น ท่านจึง
ย้ายจากจังหวัดนครสวรรค์มาอยู่วัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ พ.ศ. ๒๕๐๘ (ตรงกับวัน
ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๘) หลังจากที่ท่านมาอยุ่ที่นี่ได้ ๕ เดือน ท่านอาจารย์เนมินทะเจ้าอาวาสวัดท่ามะ
โอก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ท่านอาจารย์ธัมมานันทะจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะโอสืบต่อมา ท่านได้
เริ่มกิจการเผยแผ่พระศาสนาทางด้านพระปริยัติธรรมด้วยการตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นในวันพฤหัสบดี แรม ๒
ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๕๑๐ (ตรงกับวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๐) ท่านสามารถก่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติ
ธรรมให้มีชื่อเสียงขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ เพราะศิษยานุศิษย์ของท่านสามารถสอบได้ทั้งแผนกธรรมและแผนกบาฬีทุก ๆ
ปีเป็นจำนวนมาก
 
 เนื่องจากการศึกษาพระไตรปิฎกจำเป็นต้องอาศัยคัมภีร์พื้นฐาน ๔ คัมภีร์ คือ คัมภีร์ไวยากรณ์ คัมภีร์
อภิธานัปปทีปิกา คัมภีร์วุตโตทัย และ คัมภีร์สุโพธาลังการ ท่านจึงได้ริเริ่มให้มีการศึกษาคัมภีร์พื้นฐานของพระ
ไตรปิฎกทั้ง ๔ คัมภีร์นั้น ด้วยการสอนอธิบายและให้นักศึกษาท่องจำคัมภีร์เหล่านั้นพร้อมทั้งจัดพิมพ์เผยแผ่ ถึง
แม้ว่าท่านจะชราภาพมากแล้ว ก็ไม่คำนึงถึงตัวท่านเอง ท่านได้อุตสาหะสั่งสอนศิษย์ให้พยายามศึกษาเล่าเรียนจน
ได้ผลเป็นที่พึงพอใจ ซึ่งศิษยานุศิษย์เหล่านั้นก็ได้รับการยกย่องว่ามีความรู้ภาษาบาฬีเป็นอย่างดี
 
คัมภีร์ที่ใช้เป็นหลักสูตรในการศึกษาและใช้เป็นคัมภีร์ค้นคว้านั้น ท่านอาจารย์ได้มอบหมายให้จัดพิมพ์ไว้ รวม ๒๐ คัมภีร์ด้วยกัน คือ

๑.กัจจายนะ ๒.ปทรูปสิทธิ
๓.โมคคัลลานพยากรณะ ๔.สัททนีติสุตตมาลา
๕.นยาสะ ๖.อภิธาน
๗.สุโพธาลังการะ ๘.ฉันท์
๙.สุโพธาลังการปุราณฎีกา ๑๐.สุโพธาลังการอภินวฎีกา
๑๑.ขุททสิกขา, มูลสิกขา ๑๒.ธาตุวัตถสังคหะ
๑๓.เภทจินตา ๑๔. กัจจายนสาระ
๑๕.ณวาทิโมคคัลลานะ ๑๖.พาลาวตาร
๑๗.สังขยาปกาสกะ ๑๘.สังขยาปกาสกฎีกา
๑๙.ปโยคสิทธิ ๒๐.วุตโตทัยฉันโทปกรณ์แปล
 
ส่วนคัมภีร์ที่ท่านรจนาด้วยตนเองมี ๔ คัมภีร์ คือ
๑.สำนวนภาษาในพระพุทธศาสนา
๒.อุปสัมปทกัมมวาจาวินิจฉัย
๓.สังขิตตปาติโมกขุทเทสวินิจฉัย
๔.นานาวินิจฉัย

ในเวลาต่อมา จนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์มหาธิติพงศ์ อุตฺตมปญฺโญ หรือ พระอาจารย์ มหาต่วน
และ วัดจากแดงได้ จัดทำตำราเหล่านี้ออกมา เรียบเรียงใหม่ และ คัดแยกออกมาเพิ่มขึ้นมากมาย
โดย วัดท่ามะโอ ยังได้นำหนังสือหลัก ที่ใช้ใน สมัยพระอาจารย์ ปู่ ธัมมา นันทะ มาสอนโดยเน้นการเรียนแบบดั้งเดิม
และมุ่งเน้นความทันสมัย ด้วยการเรียนการสอนโดยใช้ คอมพิวเตอร์ และ หนังสือดิจิตอลแบบใหม่ 
ที่ทาง พระอาจารย์ มหาต่วน และ วัดจากแดง ได้จัดทำขึ้น
การสอน ท่านอาจารย์ แต่ละท่าน มุ่งเน้น จดบันทึกลงในหนังสือดิจิตอล เป็นหลัก เพื่อให้ไม่เกิดการสอนซ้ำ 
เพียงแต่จะกลับมาทบทวนเมื่อมีนักศึกษา ทั้งภิกษุ สามเณร หรือ ฆราวาส เข้ามาถาม
ในขณะที่นักศึกษา เอง ท่านอาจารย์ ได้เปิดกว้าง เมตตา อนุญาติ เรื่องอุปกรณ์ การเรียน สามารถใช้ โน๊ตบุ๊ค หรือ แท็ปเล็ต
เพื่อไม่ต้องแบกหนังสือหนักๆ และ จดบันทึกภายในห้องเรียนได้
หรือ จะยังถนัดในการใช้ หนังสือ เล่มใหญ่ๆ ก็สามารถใช้ได้
ด้วยบารมีของ หลวงปู่ ธัมมา นันทะ ทำให้ ทางวัดท่ามะโอ สามารถมี
สถานที่ พักสำหรับภิกษุ ไม่ว่า ไกล ใกล้ ผู้ต้องการ ศึกษา ตามหลักสูตรดั้งเดิม
ทางวัดท่ามะโอ ได้มีที่พักพร้อม สำหรับท่านที่ต้องการศึกษาเล่าเรียน

ใน พ.ศ. ๒๕๓๔ รัฐบาลสหภาพพม่าได้เห็นเกียรติคุณความดีในด้านการเผยแผ่พระศาสนาของท่าน
อาจารย์ธัมมานันทมหาเถระ ทางการจึงได้น้อมถวายตำแหน่ง “อัครมหาบัณฑิต” อันทรงเกียรติ แด่ท่าน 
พระอาจารย์ธัมมานันทมหาเถระ
 
ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๓๙
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้น้อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาพุทธศาสตร์ และใน
พ.ศ. ๒๕๔๐ ท่านพระอาจารย์ได้รับรางวัลเสมาธรรมจักรสาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการบูชาเกียรติคุณ
ความดีของท่านซึ่งจะเป็นทิฏฐานุคติอันดีงามแก่เหล่าพุทธบริษัททั้งหลายสืบต่อไป
 
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ฯ



วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

ภาษาบาลี พร้อมความหมาย ทำไมต้องเรียนบาลี กับ วิปัสนาชุนี แค่คำนำก็สนุกแล้ว

วิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น ในวิปัสนาชุนี ภาษาบาลี พร้อมคําแปล

นี่แค่เริ่มต้น กับ หลายคำถาม ที่วิปัสสนาชุนี มีคำตอบ เพื่อคลายข้อสงสัยว่าทำไมจึงต้องศึกษาภาษาบาลี
เพื่อคลายปมในใจ เพื่อให้ใจหนักแน่นไม่คลอนแคลน ก่อนศึกษาพระธรรม และ น้อมนำไปปฏิบัติ
โปรดลด เสียง เมื่อใช้ หูฟัง หรือ เครื่องขยายเสียง (อัดเสียงด้วยไมค์ คุณภาพสูง) 



วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564

ภาษาบาลี พร้อมความหมาย วันละประโยค จงอย่าประมาทเลย จากพระไตรปิฎก และ หนังสือ วิปัสนาชุนี

 ปริเฉทที่ ๑ ไม่ต้องเสียใจ อย่าเสียดายโอกาส อย่าได้ประมาทเลย

ประโยคเต็มที่

ฌายถ ภิกฺขเว มา ปมาทตฺถ

มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ

อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี.

(.มู. /๑๖๗)

คำแปลศัพท์ทีละคำ

ฌายถ ตรึก เพ่ง ไหม้ (อยู่) (ย่อม) ตรึก เพ่ง ไหม้ (จะ) ตรึก เพ่ง ไหม้

ปัจจุบันแท้ ปัจจุบันใกล้อดีต ปัจจุบันใกล้อนาคต

เฌธาตุ อปัจจัย วัตตมานาวิภัตติ ฌาย

ปรัสบท พหุ มัชฌิม


ภิกฺขเว นาม ปุง. กลุ่ม ภิกฺขุ ศัพท์เดิม ภิกฺขุ ภิกษุ

อาลปนะ พหุ. แน่ะ, ดูก่อน, ข้าแต่, โอ ภิกษุ ทั้งหลาย คำการร้องเรียก

อาลปนะ


มา ๑ นิ. อย่า ใช้ปฏิเสธธาตุที่ประกอบด้วยวิภัตติ ๔ หมวด คือ ๑. หมวดปัญจมี เช่น มา กโรตุ จงอย่ากระทำ ๒. หมวดสัตตมี เช่น มา อาหเรยฺยาสิ อย่าพึงนำมา ๓. หมวดหิยัตตนี เช่น มา อวจ อย่าได้กล่าวแล้ว ๔. หมวด อัชชัตตนี เช่น มา กริ อย่ากระทำแล้ว

๒ อย่าน่ะ


ปมาทตฺถ ประมาท (แล้ว)

ประจักษ์ต่ออินทรีย์ หรือไม่ประจักษ์ ก็ตาม

ปอุปสัค+มทฺธาตุ+อปัจจัย+ หิยยัตตนีวิภัตติ ปมาท อดีตล่วงแล้วเมื่อวานนี้

ปรัสบท พหุ มัชฌิม

อยู่ในประโยคที่มี "มา" นิบาต หิยัตตนี และ อัชชตนี จะใช้ในอรรถเดียวกับปัญจมีวิภัติ (ไม่ใช้ในอรรถอดีตกาลปกติของตน)


ปจฺฉา นิ. ในภายหลัง เป็นนิบาตมีเนื้อความต่างๆ เช่น ปจฺฉา วินยธโร ตตฺถ ปวิฏฺโ อ. พระวินัยธร เข้าไปแล้ว ในซุ้มแห่งนํ้านั้น ในภายหลัง [. :โกสมฺพิกวตฺถุ หน้า ๔๙]


วิปฺปฏิสาริโน นาม ปุง. กลุ่ม ทณฺฑี ศัพท์เดิม วิปฺปฏิสารี ผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ

ปฐมา พหุ. อันว่าผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ ทั้งหลาย ประธาน

สุทธกัตตา สยกตฺตา อภิหิตกตฺตา ปกติกตฺตา สปฺปธาน

อาลปนะ พหุ. แน่ะ, ดูก่อน, ข้าแต่, โอ ผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ ทั้งหลาย คำการร้องเรียก

อาลปนะ

ทุติยา พหุ. ซึ่ง, สู่, ยัง, สิ้น, ตลอด, กะ, เฉพาะ ผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ ทั้งหลาย กรรมในประโยค

อวุตตกัมมะ สัมปาปุณียกัมมะ การิตกัมมะ อัจจันตสังโยคะ อัจจันตสังโยคะ อกถิตกมฺม

จตุตถี เอก. แก่, เพื่อ, ต่อ ผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ เป็นผู้รับ

สัมปทาน

ฉัฏฐี เอก. แห่ง, ของ, เมื่อ ผู้มีความเดือดร้อน เสียใจ แสดงความเป็นเจ้าของ หรือ อาการกริยาการเป็นเจ้าของ

สมูหสัมพันธะ สามีสัมพันธะ อนาทร


อหุวตฺถ (ได้) มี เป็น (แล้ว)

อดีตล่วงแล้วเมื่อวานนี้

ประจักษ์ต่ออินทรีย์ หรือไม่ประจักษ์ ก็ตาม

ออาคม + หูธาตุ + หิยยัตตนีวิภัตติ อหุว

ปรัสบท พหุ มัชฌิม อัตตโนบท เอก ปฐม

อยู่ในประโยคที่มี "มา" นิบาต หิยัตตนี และ อัชชตนี จะใช้ในอรรถเดียวกับปัญจมีวิภัติ (ไม่ใช้ในอรรถอดีตกาลปกติของตน)


อยํ ๑ อิม ปุง. กลุ่ม อิม ศัพท์เดิม อิม นี้

ปฐมา เอก. อันว่านี้ ประธาน

สุทธกัตตา สยกตฺตา อภิหิตกตฺตา ปกติกตฺตา สปฺปธาน

๒ อิม อิต. กลุ่ม อิม ศัพท์เดิม อิม นี้

ปฐมา เอก. อันว่านี้ ประธาน

สุทธกัตตา สยกตฺตา อภิหิตกตฺตา ปกติกตฺตา สปฺปธาน

๓ นาม ปุง. นปุง กลุ่ม มน ศัพท์เดิม อย เหล็ก

ทุติยา เอก. ซึ่ง, สู่, ยัง, สิ้น, ตลอด, กะ, เฉพาะ เหล็ก กรรมในประโยค

อวุตตกัมมะ สัมปาปุณียกัมมะ การิตกัมมะ อัจจันตสังโยคะ อัจจันตสังโยคะ อกถิตกมฺม


โว ท่าน เธอ คุณ (อลิงคนาม)

ห้ามเรียงต้นประโยค

สัพ. ปฐมา ทุติยา ตติยา จตุตฐี ฉัฐถี พหุ


อมฺหากํ ๑ ข้าพเจ้า, ผม, ดิฉัน

อมฺหสทฺทปทมาลา

พหุวจน ทุติยา จตุตถี ฉัฏฐี

แปลง อมฺห กับวิภัตตินั้น เป็นรูปนั้นๆ

เม, โน เมื่อมีบทอื่นนำหน้า จึงใช้เรียงในประโยคได้

แปลง อมฺห เป็น อสฺม และแปลง นํ วิภัตติเป็น อากํ

๒ ข้าพเจ้า, ผม, ดิฉัน (อลิงคนาม)

อมฺห สัพ. ทุติยา จตุตฐี ฉัฏฐี พหุ


อนุสาสนี นาม ปุง. กลุ่ม ทณฺฑี ศัพท์เดิม อนุสาสนี อนุสาสนี

ปฐมา เอก. อันว่าคำสอนในศาสนา อนุสาสนี ประธาน

สุทธกัตตา สยกตฺตา อภิหิตกตฺตา ปกติกตฺตา สปฺปธาน

ปฐมา พหุ. อันว่าคำสอนในศาสนา อนุสาสนี ทั้งหลาย ประธาน

สุทธกัตตา สยกตฺตา อภิหิตกตฺตา ปกติกตฺตา สปฺปธาน

อาลปนะ พหุ. แน่ะ, ดูก่อน, ข้าแต่, โอ คำสอนในศาสนา อนุสาสนี ทั้งหลาย คำการร้องเรียก

อาลปนะ

ทุติยา พหุ. ซึ่ง, สู่, ยัง, สิ้น, ตลอด, กะ, เฉพาะ คำสอนในศาสนา อนุสาสนี ทั้งหลาย กรรมในประโยค

อวุตตกัมมะ สัมปาปุณียกัมมะ การิตกัมมะ อัจจันตสังโยคะ อัจจันตสังโยคะ อกถิตกมฺม



ความต่าง ระหว่าง ตฺถ หิยัตตนี กับ ตฺถ อชฺชตนี

ตฺถ หิยตฺตนี จะอยู่หลังสระ "" เช่นอคมตฺถ

ตฺถ อชฺชตนี จะอยู่หลังสระ "อิ" (หรือ อุ บ้าง) เช่น อคมิตฺถ อคมุตฺถ

แปลประโยคเต็ม โดย ท่านอาจารย์ จำรูญ ธรรมดา

ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (ตุมเห เธอทั้งหลาย)

ฌายถ จงเพ่ง (จงเจริญทั้งสมถะ และ วิปัสสนากัมมัฏฐาน)

มา ปมาทตฺถ อย่าได้ประมาทเลย

มา อหุวตฺถ อย่าได้เป็น วิปฺปฏิสาริโน ผู้เสียใจ ปจฺฉา ในภายหลัง

อยํ นี้ อนุสาสนี เป็นโอวาท อมฺหากํ ของเรา โว สำหรับพวกเธอ