วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำสอนของพุทธองค์

คำกลอนแปลงจาก คำสอนของพุทธองค์ รู้ว่าสุข อย่าลุ่มหลง จะเกิดโลภ รู้ว่าทุกข์มีโศก อย่าเศร้าหมอง อย่าไปจมกองทุกข์ ให้เข้าไปมอง แล้วค่อยๆลองถอยห่าง มองดูจนทุกข์คลาย ให้รู้ว่าจิตนี้ช่างเบื่อหนัก ว่าได้ รัก โลภ โกรธ และ หลง ทำให้คนเรานี้ มีทุกข์ระทม เลยต้องจม อยู่ในวัฏสงสาร เมื่อได้รู้อย่างนี้ ทำไมต้องทรมาร พระองค์ ทรงสอนให้ก้าวผ่านสู่นิพพานเอย

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไม่เกิดอีก

        ทรงแสดงจตุราริยสัจ   [๗๕] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จพระพุทธดำเนินเข้าไปทางตำบลบ้านโกฏิ ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ที่ตำบลบ้านโกฏินั้น   ณ ที่นั้นแลพระผู้มีพระภาครับสั่งพระภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราและพวก เธอเร่ร่อนท่องเที่ยวไป ตลอดกาลนานอย่างนี้ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ อะไรบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราและพวกเธอเร่ร่อนท่องเที่ยวไปตลอดกาลนานอย่างนี้ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกขอริยสัจ .... ทุกขสมุทยอริยสัจ .... ทุกขนิโรธอริยสัจ .... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทยอริยสัจ ทุกขนิโรธ อริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้น อันเราและพวกเธอได้ตรัสรู้แล้ว ได้แทงตลอด แล้ว ตัดตัณหาในภพได้ขาดแล้ว ตัณหาที่จะนำไปเกิดก็สิ้นแล้ว บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีกต่อไป.           นิคมคาถา   [๗๖] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง จึงต้องท่องเที่ยว   ไปในชาตินั้นๆ ตลอดเวลานาน อริยสัจเหล่านั้นนั่น เรา   และพวกเธอได้เห็นแล้ว ตัณหาที่จะนำไปเกิดเราและพวก   เธอได้ถอนขึ้นแล้ว รากแห่งทุกข์ เราและพวกเธอก็ได้   ตัดขาดแล้ว บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีก.         _________________

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศีลละองค์ ห้า

ที่นั้นจงยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้ ดูกรวัจฉะเรากล่าวกรรมซึ่งมีการลาดน้ำล้าง
ดูกรวัจฉะ
อีกประการหนึ่ง เราย่อมกล่าวว่า ทานที่ให้แก่ท่านผู้มีศีลมีผลมาก ที่ให้ในคนทุศีล หาเหมือน
เช่นนั้นไม่ ทั้งท่านผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละองค์ ๕ ได้แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ละองค์ ๕ เหล่าไหน
ได้ คือ ละกามฉันทะ ๑ พยาบาท ๑ ถีนมิทธะ ๑อุทธัจจกุกกุจจะ ๑ วิจิกิจฉา ๑ ท่านผู้มี
ศีลละองค์ ๕ นี้ได้แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นไฉน คือ ประกอบด้วยศีลขันธ์ที่เป็นของ
พระอเสขะ ๑ ประกอบด้วยสมาธิขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ ประกอบด้วยปัญญาขันธ์ที่เป็น
ของพระ อเสขะ ๑ ประกอบด้วยวิมุตติขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ ประกอบด้วยวิมุตติญาณทัสสน
ขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑ ท่านผู้มีศีลประกอบด้วยองค์ ๕ นี้เรากล่าวว่า ทานที่ให้ในท่านที่
ละองค์ ๕ ได้ ประกอบด้วยองค์ ๕ ดังกล่าวมามีผลมาก ฯ

ศีลละองค์5 ถีนมิทธะ ความท้อถอย ความง่วง .....อุทธัจจกุกกุจจะ แยกเป็นสองคำคือ อุทธัจจะ กับ กุกกุจจะ .....อุทธัจจะ หมายถึงความฟุ้งซ่าน อึดอัดกลัดกลุ้ม กังวล ทำให้เกิดความเครียด ความหงุดหงิด ในคำไทยใช้ว่า อุทธัจ คือความฟุ้งซ่านความประหม่า ความขวยเขิน ....กุกกุจจะ หมายถึงความรำคาญใจ ความวิตกกังวล ทำให้อึดอัด กลุ้มใจ ....อุทธัจจกุกกุจจะ จัดเป็น นิวรณ์ คือ เครื่องปิดกั้นขัดขวางมิให้บรรลุถึงความดีและปดิกั้นความดีมิให้เข้าถึงจิต  ....อุทธัจจกุกกุจจะ เกิดจากใจที่ไม่สงบ แก้ได้ด้วยการเจริญกสิณและมรณัสสติ วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย อเสขะ แปลว่า ผู้ไม่ต้องศึกษาอีก คือไม่ต้องศึกษาไตรสิกขา คืออธิศีล อธิสมาธิ อธิปัญญาอีกต่อไป เพราะได้ศึกษาจบโดยได้บรรลุอรหันตผลแล้ว เรียกเต็มว่า พระอเสขะ หรือ อเสขบุคคล อเสขะ ได้แก่พระอริยบุคคลระดับสูงสุดคือพระอรหันต์ ผู้เสร็จกิจการศึกษาไตรสิกขาแล้ว ผู้ไม่มีกิจที่จะต้องบำเพ็ญเพื่อละกิเลสอีก เจโตวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นแห่งจิต ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการฝึกจิต ความหลุดพ้นแห่งจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ ปัญญาวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา ความหลุดพ้นแห่งจิตจากจากอวิชชา ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คาถาพระรอด

อิมัง พุทธะสักขีปะฏิมัง อะภิปูชะยามะ
อะยัง พุทธะสักขีปะฏิมายะ ปูชะนัสสะ
อานิสังโส อัมหากัง ทีฆะรัตตัง
หิตายะ สุขายะ สังวัตตะตุฯ